เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564

เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564

วันที่นำเข้าข้อมูล 8 ก.พ. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 271 view

เช้านี้ ไม่มีผู้ลงทะเบียนกลับไทยวันที่ ๔ ก.พ. ๖๔
วันที่ ๓ ก.พ. มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ๔,๒๘๔ คน โดยอยู่ในรัฐกลันตัน ๖๕ คน รัฐตรังกานู ๕๕ คน มีผู้ติดเชื้อสะสม ๒๒๖,๙๑๒ คน และผู้เสียชีวิตสะสม ๘๐๙ คน (เพิ่มขึ้น ๑๘ คน) (สถิติข้อมูลการระบาดโควิด รูป ๑)
เรื่องเล่าด่านรันตูวันนี้ ขอเสนอเรื่อง “เหย้าเยือนฉันท์เพื่อนบ้านของผู้นำ ๒ ปท.” ตามรายงานของ นสพ. New Straits Times ฉบับวันที่ ๓ ก.พ. ๒๐๒๑ โดย นรม. มูห์ยิดดิน มีกำหนดเดินทางไปเยือน อซ. อย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันนี้ (๔ ก.พ.) และจะปฏิบัติตามขั้นตอน SOP อย่างเคร่งครัด (รายงานสื่อ รูป ๒-๓)
กต. มซ. ได้แถลงว่า นรม. จะเยือน อซ. ตามคำเชิญของ ปธน. โจโก วิโดโด (Joko Widodo) เพื่อหารือความพยายามในการจัดการกับสิ่งท้าทายร่วมกัน ได้แก่ การระบาดของโรคโควิด-๑๙ ความพยายามร่วมกันในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติระหว่างประเทศ (discrimination) ในเรื่องน้ำมันปาล์มของ มซ. และ อซ. ความร่วมมือในการรักษาสิ่งแวดล้อมและหมอกควันข้ามแดน (ออท. มซ. ประจำ อซ. รูป ๔)
การประชุมครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน รวมถึงการมีส่วนร่วมของธุรกิจ มซ. ที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินการตามแผนการย้ายเมืองหลวง จากกรุงจาการ์ตาบนเกาะชวาไปยังเกาะกาลิมันตันตะวันออกของ อซ. โดยการมีส่วนร่วมของ มซ. ในโครงการนี้ จะช่วยฟื้นฟู ศก. ของภูมิภาคในยุคหลังโควิด
นอกจากนี้ การประชุมดังกล่าวยังเป็นการกระชับการเจรจาในระดับที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโครงการ “ช่องเขียวต่างตอบแทน (Reciprocal Green Lane: RGL)" สำหรับการเดินทางอย่างเป็นทางการและด้านธุรกิจระหว่าง ๒ ปท. การเจรจาดังกล่าวคาดว่าจะมีการหารือขั้นตอนการปฏิบัติตาม SOP ที่ทั้ง ๒ ปท. สามารถตกลงกันได้
แม้ว่าโครงการ RGL จะยังไม่ถูกนำมาใช้ในทันทีก็ตาม โดยการตัดสินใจใช้ RGL ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิดของ ๒ ปท. ในขณะนั้น และต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงาน สธ. ของทั้ง ๒ ปท. ด้วย"
ที่ประชุมจะพยายามหาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการใช้วัคซีนโควิด-๑๙ โดยที่ อซ. ได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนแล้ว ความคิดริเริ่มในการแบ่งปันความรู้นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อ มซ. ซึ่งจะมีการเริ่มโครงการฉีดวัคซีนในเร็ววันนี้ (ประเด็นหารือ รูป ๕)
เนื่องจากยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิดอย่างต่อเนื่องใน ๒ ปท. นรม. มซ. จึงได้กระชับระยะเวลาของการเยือนอย่างเป็นทางการให้น้อยกว่า ๒๔ ชม. เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านโลจิสติกส์ในการเยือนอย่างเป็นทางการของ นรม. มซ. ทาง ปธน. โจโก จึงได้กำหนดให้ Istana Merdeka ในกรุงจาการ์ตา เป็นสถานที่รับรองอย่างเป็นทางการ แทนที่จะเป็น Istana Bogor เมือง Bogor, West Java
โปรแกรมการเยือนอย่างเป็นทางการได้ถูกทำให้สั้นลงเช่นกัน โดย รมต. กต. มซ. Hishammuddin Hussein พร้อมคณะ จะหารือกับ รมต. กต. อซ. Retno Marsudi ก่อนที่จะเริ่มการเยือนอย่างเป็นทางการของ นรม. มซ.
กำหนดการเยือน นรม. มซ. จะพบปะหารือกับ ปธน. อซ. ในเช้าวันศุกร์ จากนั้นก็จะทำการละหมาดวันศุกร์ และร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอาหารกลางวันอย่างเป็นทางการที่จัดโดย ปธน. หลังงานเลี้ยงอาหารกลางวัน นรม. มซ. และคณะจะเดินทางกลับ มซ. และเข้ารับการกักตัวตามที่ สธ. กำหนด ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคโควิด นรม. จะเดินทางพร้อมกับคณะผู้แทนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งประกอบด้วย รมต. กต. และ จนท. ระดับสูง
การเยือนครั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดของ สธ. ทั้ง ๒ ปท. อย่างเคร่งครัด โดยคณะผู้แทน มซ. ต้องทำการทดสอบ swab test ก่อนออกเดินทางไป อซ. และเฉพาะบุคคลที่มีผลทดสอบเป็นลบภายใน ๔๘ ชม. เท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการเยือนอย่างเป็นทางการ
คณะผู้แทน มซ. จะเดินทางด้วยเครื่องบินพิเศษแทนที่จะใช้สายการบินพาณิชย์ ในการเดินทางแบบ travel bubble และเมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานในกรุงจาการ์ตา คณะผู้แทน มซ. จะต้องผ่านการทดสอบ swab test อีกครั้ง เฉพาะบุคคลที่มีผลทดสอบเป็นลบซึ่งได้รับการตรวจโดยหน่วยงานของ อซ. เท่านั้น ที่จะได้รับการพาไปยังที่พักของตนโดยตรง
คณะผู้แทน มซ. ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปสถานที่อื่นใด ยกเว้นพื้นที่ที่กำหนดสำหรับการเยี่ยมชมอย่างเป็นทางการ และยังต้องกักตัวอยู่ในที่พักและพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับการเยือนอย่างเป็นทางการ อีกทั้งคณะชุดนี้จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และห้ามการสัมผัสทางกายภาพ ทั้งนี้ รบ. อซ. ให้ความมั่นใจว่าการเยือนอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นภายใต้ SOP ที่เข้มงวดมาก เพื่อป้องกันโควิด
“ด้วยสปิริตแห่งมิตรภาพที่แนบแน่น และ คสพ. ทวิภาคีที่แน่นแฟ้นมานานหลายทศวรรษ มซ. ยินดีที่จะตอบรับคำเชิญของ อซ.” กต. มซ. กล่าว ที่ผ่านมา อซ. ถือเป็น ปท. แรกสำหรับการเยือนอย่างเป็นทางการของผู้นำ มซ. หลังการเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นบรรทัดฐานที่ ปธน. อซ. ได้ปฏิบัติอยู่เช่นกัน
"มีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ร่วมของ ๒ ปท. ที่จำเป็นต้องมีการหารือเพิ่มเติมและสร้างความเข้าใจร่วมกัน รวมถึงประเด็นสำคัญ เช่น ความร่วมมือทาง ศก. ความมั่นคงในภูมิภาคและทวิภาคี ตลอดจนความพยายามร่วมกันในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-๑๙ ดังนั้นผู้นำทั้ง ๒ ปท. จึงตกลงที่จะมีการประชุมแบบ face-to-face" (Istana Merdeka รูป ๖)
ออท. มซ. ประจำ อซ. Zainal Abidin Bakar กล่าวว่า นี่เป็นการเยือนครั้งแรกของ นรม. มูห์ยิดดิน นับตั้งแต่ได้ดำรงตำแหน่ง นรม. คนที่ ๘ เมื่อวันที่ ๑ มี.ค. ๖๓ โดยก่อนหน้านี้ ผู้นำระดับโลกที่ได้เยือน อซ. ในช่วงโควิดระบาด ได้แก่ นรม. ญป. Yoshihide Suga (ต.ค. ๖๓) รมต. กต. สหรัฐฯ Mike Pompeo (ต.ค. ๖๓) และ รมต. กต. จีน Wang Yi (ม.ค. ๖๔)
อซ. มีความสำคัญในฐานะเป็นคู่ค้าอันดับ ๙ ของการค้าทั่วโลก และเป็นคู่ค้าในกลุ่มอาเซียนอันดับ ๓ ของ มซ. ในปี ๖๓ การค้าทวิภาคีรวมอยู่ที่ ๖๖.๑๗ พันล้านริงกิต (๑๕.๗ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่การลงทุนรวมของ มซ. ใน อซ. เป็นอันดับ ๒ มีมูลค่า ๑,๐๔๕.๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (วงเวียน Bundaran Hotel Indonesia รูป ๗)
จากข้อมูล ศก. ข้างต้น ท่านผู้อ่านคงเข้าใจถึงความจำเป็นที่ผู้นำ ๒ ปท. ต้อง “เหย้าเยือน” เพื่อจับเข่าคุยกันหาลู่ทางต่อกรกับโควิด “กู้ศักดิ์ศรี” น้ำมันปาล์ม รวมทั้งปูทางสู่การเปิดช่อง RCL หลังโควิดสงบลง

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ