ในโอกาสดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการเสริมสร้างความมั่นคงร่วมกันในบริเวณชายแดนระหว่างจังหวัดนราธิวาสของไทยและรัฐกลันตันของมาเลเซีย อาทิ การป้องกันและปราบอาชญกรรมข้ามชาติ ยาเสพติด และแนวคิดสุดโต่ง ในด้านเศรษฐกิจ โดยที่จังหวัดนราธิวาสได้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตามโครงการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ความร่วมมือและการประสานงานที่ใกล้ชิดในระดับท้องถิ่นของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีของไทยและมาเลเซียได้หารือกันไว้ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) เมื่อ ๒๔ - ๒๕ ต.ค. ๒๕๖๑ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ ๘ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในยุคปัจจุบันมีความอ่อนไหวและสามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความขัดแย้งได้ จึงเห็นว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกันจะช่วยลดความคลาดคลื่อนของข้อมูลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างกันได้

On such occasion, both sides discussed and exchanged views to strengthen mutual security along border between Narathiwat province and Kelantan, such as, transnational crime prevention and suppression, drug trafficking, and extremism. On the economic front, since Narathiwat province is situated in Special Economic Zone, close collaboration is therefore needed to propel economic development in border area. The said approach is in line with
the agreement between the Thai and Malaysian leaders made during the official visit to Thailand of the Prime Minister of Malaysia on 24 – 25 October 2018. In addition, Commander of the 8th Infantry Brigade further said that intelligence exchange and close coordination are required to reduce undesirable miscommunication and create mutual understanding since communication through social media can pose sensitivity and threats to national security as well as, can create social conflict.