เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2563

เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2563

วันที่นำเข้าข้อมูล 9 ธ.ค. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 440 view

เช้านี้ มีผู้ลงทะเบียนกลับไทยวันที่ ๙ ธ.ค. ๖๓ จำนวน ๔ คน
   การแพร่ระบาดโควิดใน มซ. วันที่ ๘ ธ.ค. มีสถิติลดลงกว่าเมื่อวาน โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ๑,๐๑๒ คน อยู่ในรัฐกลันตัน ๒ คน และมีผู้ติดเชื้อสะสม ๗๕,๓๐๖ คน ผู้เสียชีวิตสะสม ๓๘๘ คน (เพิ่มขึ้น ๔ คน) (สถิติข้อมูลการระบาดโควิด รูป ๑)
   เรื่องเล่าด่านรันตู วันนี้ขอเสนอเรื่อง “เอเชียกับการฟื้นฟู ศก. หลังโควิด” ตามที่ นสพ. กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ ๘ ธ.ค. ๖๓ ได้รายงานเรื่อง 'โควิด-๑๙' การบ้านที่ต้องทำต่อ (เอเชียกับโควิด-๑๙ รูป ๒)
   ภูมิภาคเอเชียจะเป็นอย่างไรต่อไปหลังจากวิกฤติโควิด-๑๙ ผ่านพ้นไปแล้ว ทั้งชีวิต ความเป็นอยู่ รวมถึงด้าน ศก. โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อ ศก. ภูมิภาคมีอะไรบ้าง แล้วนโยบายที่ควรพิจารณาหลังโควิด-๑๙ เป็นอย่างไร (Asia Real Growth, IMF รูป ๓)
   อ้างถึงเอกสาร “ชีวิตและความเป็นอยู่ : นโยบายที่ควรพิจารณาหลังโควิด-๑๙” บทความภาษาอังกฤษชื่อ Life and Livelihood : Post-Covid-19 Policy Consideration ของ สนง. วิจัย ศก. มหภาคอาเซียน +๓ (AMRO) บรรยายโดย หน. นักเศรษฐศาสตร์ ดร. Hoe Ee Khor ในงานประชุม ASEAN Media forum 2020 ซึ่งมีความน่าสนใจในหลายประเด็น (สิ่งที่อาเซียนต้องทำ เพื่อฟื้นฟู ศก. หลังโควิด รูป ๔)
   สรุปถึงสิ่งที่ ปท. ในอาเซียนและ ปท.+๓ คือ จีน ญป. และ กลต. ได้ประสบในวิกฤติคราวนี้ รวมถึงความท้าทายด้านนโยบายจากนี้ไปหลังโควิด-๑๙ และให้ข้อคิดที่ดีสำหรับการกำหนดนโยบาย ศก. ในไทยว่า มีอะไรรออยู่ข้างหน้าและ ปท. อื่นเขากำลังทำอะไรกัน วันนี้จึงได้สรุปประเด็นเหล่านี้และสิ่งที่ทางการควรทำ เพื่อให้ ศก. กลับมาขยายตัวได้ต่อเนื่อง แข่งขันได้เพื่อประโยชน์ของคนใน ปท.
   วิกฤติโควิด-๑๙ ที่เกิดขึ้นช่วงต้นปี ๒๕๖๓ ถือเป็นวิกฤติทาง สธ. สิ่งที่ ปท. ในเอเชียทั้ง ๑๓ ปท. มีอาเซียน และ ปท.+๓ กระทำเหมือนกัน คือให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตของ ปชช. เป็นอันดับแรก โดยเลือกที่จะหยุดการระบาดด้วยการปิด ปท. และหยุดกิจกรรมทาง ศก. เป็นการชั่วคราวเพื่อลดการระบาด ซึ่งสามารถทำได้สำเร็จ แต่ก็ส่งผลกระทบทางลบต่อ ศก. ทั้งด้านอุปทาน อุปสงค์ และตลาดการเงิน นำไปสู่การหดตัวที่รุนแรงของการส่งออก การท่องเที่ยวและการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น จนเกิดเป็นวิกฤติ ศก. (Asia’s real GDP growth forecast 2019-2021 : IMF รูป ๕)
   ปท. เอเชียทั้ง ๑๓ ปท. ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการกระตุ้น ศก. ในขนาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผ่านมาตรการการเงินการคลัง และเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน วงเงินรวมกันแล้วกว่า ๑๐% ของรายได้ประชาชาติหรือผลผลิตรวม (GDP) โดยเฉลี่ย ผลคือ เมื่อเทียบกับสหรัฐและ ปท. ในยุโรปแล้ว ศก. ของ ปท. ในภูมิภาคเอเชียเริ่มฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลังอย่างชัดเจนว่า ความสามารถในการควบคุมการระบาดที่จัดการได้ดี ทำให้ ปท.ในภูมิภาคส่วนใหญ่มีการระบาดลดลงตั้งแต่เดือน เม.ย. - พ.ย. เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กิจกรรม ศก. ของ ปท. ในเอเชียเริ่มฟื้นตัวอย่างที่เห็น (เปรียบเทียบอัตราหนี้สาธารณะต่อ GDP ปท. อาเซียน รูป ๖)

   ในแง่ตัวเลข ศก. ของ ปท.อาเซียน +๓ ทั้งกลุ่ม ปีนี้จะหดตัว ๐.๓% และปีหน้าจะขยายตัว ๖.๗% เฉพาะ ๑๐ ปท. อาเซียน ศก. ปีนี้จะหดตัว ๓.๓% และปีหน้าขยายตัว ๖.๐% โดยปีนี้ ศก. ไทยจะหดตัวมากสุดในอาเซียน คือ -๗.๘% ตามด้วย ฟป. -๗.๖% และ สป. -๖.๐% ที่ขยายตัวมากสุดปีนี้คือ วน. ๓.๑% ตามด้วยบรูไน ๑.๖% และเมียนมาร์ ๑.๑% ส่วนกลุ่ม ปท. +๓ จะมี จีน เพียงปท. เดียวที่ ศก. ขยายตัวคือ ปีนี้ขยายตัว ๒.๑% และปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น ๘.๑% (Southeast Asian Economic Growth Forecasts : ADB รูป ๗)
   สำหรับความเสี่ยงหลักต่อ ศก. ภูมิภาคเอเชีย นับจากนี้ไปจะมี ๓ เรื่อง ได้แก่
     ๑) ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาดที่อาจปะทุขึ้นอีก นำไปสู่การปิดเมืองที่จะสร้างความ
เสียหายต่อ ศก. มากขึ้น
     ๒) ความยืดเยื้อของวิกฤติ ศก. ที่อาจเกิดขึ้น และจะสร้างความเสียหายต่อศักยภาพของ ศก. ภูมิภาคที่จะเติบโตในระยะยาว หมายถึงผลทางลบของวิกฤติที่จะมีต่อรายได้ ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ การไม่มีงานทำและโอกาสทางการศึกษา ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อคุณภาพแรงงาน
     ๓) ความสามารถที่จะดำเนินนโยบายกระตุ้น ศก. ได้อย่างต่อเนื่องจะมีน้อยลง ถ้าวิกฤติ ศก. ยืดเยื้อ เพราะผลกระทบของมาตรการกระตุ้น ศก. จะส่งผลต่อฐานะการคลังของ ปท. และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน
   นี่คือความเสี่ยงหลักที่ ปท. ในเอเชียต้องเจอ ทำให้การทำนโยบาย ศก. จากนี้ไป จะต้องคำนึงถึงการลดความเสี่ยงเหล่านี้ โดยเดินออกจากการกระตุ้น ศก. อย่างในปัจจุบัน ไปสู่การสร้างการเติบโตให้กับ ศก. อย่างยั่งยืน หมายถึง เปลี่ยนผ่านจากมาตรการ ศก. ระยะสั้น ที่เน้นการใช้จ่ายของภาครัฐอย่างสุดตัวเพื่อฟื้น ศก. ไปสู่การสร้างการเติบโตของ ศก. ที่ต่อเนื่องในระยะยาว โดยการทำนโยบายที่มีเป้าหมายเฉพาะเจาะจง เช่น สร้างแรงจูงใจให้เกิดการจ้างงาน การพัฒนาทักษะแรงงาน และการลงทุนของภาคเอกชนเพื่อปฏิรูปกระบวนการผลิตใน ศก. (บทบาทอาเซียนหลังโควิดกำลังเปลี่ยนไป รูป ๘)
   โดยภาคเอกชนมีบทบาทนำและภาครัฐเป็นผู้สนับสนุนด้วยมาตรการปฏิรูปต่างๆ เช่น ให้ความสำคัญกับการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในระบบ ศก. การกระจายห่วงโซ่การผลิตไปสู่ภาคชนบทของ ปท. การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะสร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจลงทุน และรัฐสร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคม (Social Safety Net) ที่จะคุ้มครองกลุ่มเปราะบางหรือมีรายได้น้อย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ต้องเกิดขึ้น
   นี่คือ รายงานสถานะ ศก. เอเชีย ที่ชี้ให้เห็นแนวทางว่า หลังโควิดไทยและ ปท. เอเชียควรต้องดำเนินนโยบายด้าน ศก. อย่างไรดี เพื่อสามารถฟื้นฟู ศก. ให้พ้น “วิกฤตหลังโควิด” ไปด้วยกัน

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ