เช้านี้ ไม่มีผู้ลงทะเบียนกลับไทยวันที่ ๒๖ พ.ย. ๖๓
การแพร่ระบาดโควิดใน มซ. วันที่ ๒๕ พ.ย. มีสถิติลดลงกว่าเมื่อวาน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ๙๗๐ คน อยู่ในรัฐเนกริเซมบิลัน ๓๑๘ คน รัฐซาบาห์ ๒๙๓ คน รัฐสลังงอร์ ๑๑๕ คน รัฐเปรัค ๘๐ คน กรุงกัวลาลัมเปอร์ ๔๔ คน ลาบวน ๓๗ คน รัฐยะโฮร์ ๓๐ คน รัฐเคดาห์ ๒๔ คน เกาะปีนัง ๑๔ คน รัฐกลันตัน ๘ คน รัฐปาหัง ๒ คน รัฐซาราวัค ๒ คน ปุตราจายา ๑ คน รัฐมะละกา ๑ คน รัฐตรังกานู ๑ คน และมีผู้ติดเชื้อสะสม ๕๙,๘๑๗ คน ผู้เสียชีวิตสะสม ๓๔๕ คน (เพิ่มขึ้น ๔ คน) (สถิติข้อมูลการระบาดโควิด รูป ๑)
เรื่องเล่าด่านรันตู วันนี้ขอเสนอเรื่อง “มซ. ตั้งเป้าให้ SMEs ทำรายได้เป็น ๕๐ % ของ GDP” เนื่องจาก SMEs มซ. ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดโควิด รบ.มซ. ต้องให้ความช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟู ศก. (SMEs มซ. ได้รับผลกระทบจากโควิด รูป ๒)
ก่อนอื่น ขอทำความรู้จักกับ SMEs มซ. ทำไม รบ. มซ. ต้องให้ความสำคัญกับ SMEs มซ. มีหน่วยงานที่ชื่อว่า SME Corp ซึ่งเทียบเคียงได้กับ สนง. ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ของไทย โดยมีหน้าที่กำหนดนโยบายการส่งเสริม SMEs ประเมินศักยภาพ SMEs เพื่อส่งเสริมรายที่มีศักยภาพให้เข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น และจัดสรรงบประมาณให้กระทรวงต่างๆ เพื่อผลักดันโครงการต่างๆ เกี่ยวกับ SMEs มากขึ้น จุดได้เปรียบสำคัญของ SMEs มาเลเซียคือ สินค้าของ มซ. โดยทั่วไป มีความน่าเชื่อถือ ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น SMEs ด้านอาหารฮาลาล มีความสามารถในการแข่งขันสูงและมีต้นทุนการผลิตต่ำ อีกทั้งตราฮาลาลของมาเลเซีย ก็เป็นที่ยอมรับในโลกมุสลิม (SME Corp รูป ๓)
ปัจจุบัน SMEs ของ มซ. มีสัดส่วนถึง ๙๘.๕% ของธุรกิจทั้งหมดใน ปท. มีการจ้างงานกว่า ๗๕% โดยมีจำนวน SMEs ๙ แสนราย และ ๘๙% ของ SMEs เป็นธุรกิจภาคการบริการ ซึ่งภาครัฐคาดหวังว่า การส่งเสริม SMEs จะเป็นกลไกหลักในการรักษาเสถียรภาพทาง ศก. ของ ปท. และเป็นตัวผลักดันการเติบโต ศก. ได้
การส่งเสริมให้ SMEs มีศักยภาพ สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ถือเป็นรากฐานที่สำคัญ ถึงแม้ว่าธุรกิจขนาดใหญ่จะประสบปัญหาวิกฤตเพียงใด แต่ ศก. โดยรวมของ ปท. ยังอยู่ได้ด้วยรากฐานของ SMEs ที่เข้มแข็ง กล่าวได้ว่า SMEs เป็นกระดูกสันหลังของ ศก. มซ. (สัดส่วนของ SMEs ใน ศก.มซ. รูป ๔)
เมื่อวันที่ ๒๓ พ.ย. รมต. พัฒนาผู้ประกอบการ SMEs และสหกรณ์ (Ministry of Entrepreneur Development and Cooperatives : Medac) Dr. Wan Junaidi ได้แถลงว่า รบ. ตั้งเป้ายกระดับธุรกิจ SMEs สนับสนุน ศก.มซ. ให้ได้ ๕๐% ของ GDP ภายในปี ๒๐๓๐ โดยปัจจุบันรายได้ของ SMEs ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) มีสัดส่วน ๓๘% และ รบ. หวังจะเพิ่มรายได้ SMEs เป็น ๕๐% ใน ๑๐ ปี ภายใต้ “นโยบายการพัฒนาผู้ประกอบการแห่งชาติปี ๒๐๓๐” (จำนวน SMEs แบ่งตามรัฐ รูป ๕)
แม้ มซ. มี SMEs จำนวนมากถึง ๙ แสนราย แต่ ๘๙% อยู่ในภาคบริการ และ มซ.ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับด้านต่างๆ เช่น การก่อสร้าง เหมืองแร่และภาค กษ. ที่มีศักยภาพมหาศาล (สัดส่วนของ SMEs ในภาค ศก.รูป ๖)
ขณะที่สหกรณ์สร้างรายได้แก่ ศก. มซ. ๔ หมื่นล้านริงกิต รบ. หวังเพิ่มให้ได้ ๑ แสนล้านริงกิตภายในปี ๒๐๓๐ในปัจจุบันมีสหกรณ์จำนวน ๑๔,๖๒๕ แห่ง มีสมาชิกรวม ๖.๐๙ ล้านคน ขณะเดียวกัน รบ. ต้องการยกระดับสถานะของสมาชิกสหกรณ์ที่ ๘๐% ยังอยู่ในกลุ่ม B40 ผู้มีรายได้น้อย (SMEs คือ กระดูกสันหลังของ ศก. มซ. รูป ๖)
การจัดสรร งปม. ๒๐๒๑ สำหรับ SMEs และผู้ประกอบการ ภายใต้ งปม. ๒๐๒๑ จึงควรมองจากภาพรวมด้วยการบูรณาการทำงานของกระทรวงและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดย ๓๘% ของ งปม. สนับสนุน SMEs ผ่าน Medac ภายใต้แพ็คเกจกระตุ้น ศก. (Prihatin & Penjana) แล้ว ยังมีการจัดสรรผ่านหลายหน่วยงาน ได้แก่ ธ.ออมสิน (Bank Simpanan Nasional) ธ. ชาติ (Bank Negara) ก. เกษตรและ อก.อาหาร กองทุนทรัสต์ Mara (Majlis Amanah Rakyat) และอื่น ๆ (โครงการ Empowering SMEs รูป ๗)
หน่วยงานเหล่านี้สามารถให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องแก่ธุรกิจ SMEsและสหกรณ์ ในการจ้างงานชาว มซ. โดยสัดส่วนการจ้างงานของธุรกิจ SMEs สูงถึง ๔๘% ของการจ้างงานใน ปท. ประมาณ ๗ ล้านคน
Medac จะเสนอแนะต่อสภา ศก. แห่งชาติ (Economic Action Council: EAC) ให้มีการเน้น และการปรับโครงสร้างธุรกิจในปี ๒๐๒๑ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของ SMEs มากขึ้น โดยปรับจากรูปแบบเดิมๆ ได้แก่ การปล่อยสินเชื่อ การจับคู่ทุน ฯ เนื่องจาก SMEs ได้รับผลกระทบโควิดที่รุนแรงถึงขั้นเลิกกิจการ หรือเปลี่ยนไลน์ธุรกิจ โดยการย้ายแหล่งการเงินจากแหล่งหนึ่งไปแหล่งการเงินที่ได้รับความช่วยเหลือจาก รบ.
ในเร็วๆ นี้ นรม. มซ. กำหนดจะเปิดตัวระบบ E-commerce ที่ให้ความสำคัญกับบรรทัดฐานใหม่ (new normal) ของการทำธุรกิจ ได้แก่ ระบบดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ (digitalization & automation) เพื่อให้สอดคล้องกับห่วงโซ่อุปทานและอุปสงค์
Medac จะหารือกับ SME Corp. Malaysia เพื่อขยายธุรกิจการส่งของ ที่เรียกกันว่า Warong Rider ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการส่งของไปยังทุกพื้นที่ทั่ว ปท. เพื่อช่วยให้ผู้ค้ารายย่อยและผู้หาบเร่เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยให้พวกเขาลงทะเบียน e–wallet หรือแพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากข้อมูลที่ผู้ประกอบการ SMEs ๓.๖ หมื่นรายได้ล้มเลิกไปตั้งแต่มาตรการ MCO เมื่อ มี.ค. ที่ผ่านมา ในจำนวนนี้ย้ายไปทำธุรกิจในรูปแบบอื่นท่ามกลางปัจจัยอื่นๆ ทำให้มี บ. จำนวนกว่า ๘.๒ หมื่นรายที่ตั้งขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน จึงอธิบายได้ว่า บางธุรกิจไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมของธุรกิจได้เปลี่ยนไป การช่วยเหลือของ รบ. ในช่วงเวลานี้ยิ่งมีความจำเป็น เพื่อมิให้ SMEs ล้มหายตายจากไป
ฉะนั้น การแก้ปัญหา SMEs จึงมีความสำคัญต่อการฟื้นฟู ศก. มซ. เป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นวาระเร่งด่วน โดยมีเครื่องมือส่งเสริม SMEs ที่เหมาะสม การบริหารปฏิรูปเชิงสร้างสรรค์จึงเป็นสิ่งจำเป็นและต้องเร่งบูรณาการอย่างจริงจัง พร้อมขับเคลื่อนเพื่อความก้าวหน้าของ ศก. มซ. ที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
นี่คือ ความพยายามของ รบ. มซ. ในการช่วยเหลือ SMEs ในวิกฤตโควิด สำหรับภาคเอกชน มซ. คิดอย่างไร ติดตามได้ต่อในตอนต่อไปครับ