เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563

เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563

วันที่นำเข้าข้อมูล 27 พ.ย. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 26 พ.ย. 2565

| 286 view
     เช้านี้ มีผู้ลงทะเบียนกลับไทยวันที่ ๒๗ พ.ย. ๖๓ จำนวน ๔๙ คน
     การแพร่ระบาดโควิดใน มซ. วันที่ ๒๖ พ.ย. มีสถิติลดลงกว่าเมื่อวาน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ๙๓๕ คน อยู่ในรัฐซาบาห์ ๓๒๖ คน รัฐเนกริเซมบิลัน ๑๕๘ คน รัฐสลังงอร์ ๑๖๑ คน รัฐเปรัค ๗๙ คน รัฐยะโฮร์ ๖๐ คน กรุงกัวลาลัมเปอร์ ๕๙ คน รัฐกลันตัน ๒๘ คน รัฐเคดาห์ ๒๔ คน ลาบวน ๑๓ คน เกาะปีนัง ๑๗ คน รัฐซาราวัค ๔ คน ปุตราจายา ๕ คน รัฐตรังกานู ๑ คน และมีผู้ติดเชื้อสะสม ๖๐,๗๕๒ คน ผู้เสียชีวิตสะสม ๓๔๕ คน (เพิ่มขึ้น ๔ คน) (สถิติข้อมูลการระบาดโควิด รูป ๑)
เรื่องเล่าด่านรันตู วันนี้ขอเสนอเรื่อง “งปม. ๒๐๒๑ ของ มซ. ผ่านสภาแบบไม่ระทึก”
 
     บ่ายคล้อยวานนี้ (๒๖ พ.ย.) รัฐสภา มซ. (Dewan Rakyat) ได้ผ่าน งปม. ๒๐๒๑ มูลค่า ๓๒๒,๕๐๐ ล้านริงกิต (ราว ๒.๔ ล้านล้านบาท) ซึ่งสูงสุดใน ปวศ.มซ. หลังจากรอลุ้นกันว่าร่าง งปม. ของ รบ. Perikatan Nasional (PN) ที่มีเสียงปริ่มน้ำ จะผ่านสภาได้หรือไม่ หากไม่ผ่าน รบ.มซ. จะไม่สามารถจัดสรรงบช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิด รวมถึงงบของแผนฟื้นฟู ศก. เมื่อไม่มี งปม. มาบริหาร ปท. อาจเข้าขั้นวิกฤตถึงต้อง “ชัดดาวน์” ประเทศ (การเสนอ งปม. ๒๐๒๑ รูป ๒)
ขณะที่ นรม. มูห์ยิดดินถูกท้าทายจากนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้ฝ่ายค้านที่แถลงเมื่อ ๒๓ ก.ย. ว่า ได้เสียงข้างมากในสภาสนับสนุนให้เป็น นรม. ได้ นอกจากนี้ ยังเสียความน่าเชื่อถือ หลังจากไม่สามารถขอให้สมเด็จพระราชาธิบดีทรงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามที่กราบทูลได้ เมื่อปลายเดือน ต.ค. (ผู้นำฝ่าย รบ. และฝ่ายค้าน รูป ๓)
 
     ทั้งนี้ เมื่อ ๒๙ ต.ค. สมเด็จพระราชาธิบดี อัล สุลต่าน อับดุลลาห์ ทรงได้เรียกร้องให้ สส. ยุติความเห็นต่างทางการเมือง เพื่อให้สภาผ่านการพิจารณาร่าง งปม. และทรงเตือนว่า การต่อสู้ทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวจะสร้างความเสียหายแก่ชาติ ขณะที่ประชาชนจะตกเป็นเหยื่อในยามที่ ปท. กำลังต่อสู้กับภัยคุกคามจากโควิด
 
     อนึ่ง ฝ่ายค้านติงว่า การตั้งงบขาดดุลแบบมโหฬาร จะทำให้สถานะการเงินการคลังของ มซ. ตกอยู่ในภาวะอันตราย ดังจะเห็นว่า มีการตั้งกระทู้ถามถึงแหล่งที่มาของเงินรายได้ที่จะใช้สำหรับ งปม. ขาดดุลเช่นนี้
 
     การลงมติผ่านร่าง กม. งปม. ๒๐๒๑ กลายมาเป็นประเด็นสำคัญที่อาจพลิกสถานการณ์ทางการเมืองของ มซ. เมื่อมีรายงานว่า รบ. อาจขาดเสียงสนับสนุนภายในฝ่ายพรรค รบ. เอง ดังนั้น การลงมติ งปม. คือ บททดสอบความชอบธรรมที่สำคัญของ รบ. PN และยังเป็นตัวชี้วัดว่า รบ. ชุดนี้ยังคงเสียงข้างมากในสภาไว้ได้หรือไม่
 
     ภายใต้รูปแบบรัฐสภา มซ. ที่ยึดแบบสภา Westminster ของอังกฤษนั้น การลงมติ งปม. เปรียบเสมือนการลงมติไว้วางใจโดยพฤตินัย แม้ว่า รธน. มซ. จะไม่ได้ระบุว่า รบ. หรือ นรม. ที่พ่ายแพ้การลงมติดังกล่าวจะต้องลาออก ประเพณีของรูปแบบรัฐสภาจากอังกฤษนี้ก็คือ นรม. ควรนำทีม รบ. ลาออกหรือยุบสภา หากแพ้การลงมตินี้
 
     หากเกิดการยุบสภาขึ้นจริง ทางออกมี ๒ ทางเลือกคือ ทางแรก มซ. จะต้องจัดการเลือกตั้งขึ้นก่อนกำหนด ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะจัดการเลือกตั้งท่ามกลางสถานการณ์การระบาดโควิดที่ยังรุนแรง ทางที่สอง สมเด็จพระราชาธิบดี มซ. อาจเลือก นรม. คนใหม่เป็น รบ. รษก. (interim government) บริหาร จนกว่าจะมีการตั้ง รบ. ใหม่
 
     ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เป็นอยู่และเกิดขึ้นกับ รบ. มซ. เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากไม่เคยมี รบ. ชุดใดมีเสียงปริ่มน้ำเช่นปัจจุบัน ทำให้เชื่อกันว่า มีโอกาสครึ่งต่อครึ่ง ที่ รบ. มูห์ยิดดินจะรอดสันดอนแห่งความท้าทายทางการเมืองครั้งนี้ไปได้
อดีต นรม. มหาเธร์ ได้อภิปรายคัดค้านว่า เป็น งปม. ที่ใช้จ่ายเกินตัว พร้อมตั้งคำถามถึงแหล่งรายได้ ขณะที่เก็บภาษีได้น้อยลง แต่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายในโครงการเยียวยา แพ็คเก็จกระตุ้น ศก. จึงได้เรียกร้องให้ รบ. ปรับลดวงเงิน งปม. โดยให้ทบทวนเมกะโปรเจกต์ ลดโครงการก่อสร้างสาธารณะ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
 
     ขณะที่ฝ่ายพรรคร่วม รบ. ปธ. พรรคอัมโน นาย Zahid ได้กดดัน นรม. มูห์ยิดดิน ให้ปรับ ครม. โดยขอตำแหน่ง รอง นรม. เพิ่ม และรบเร้าในประเด็นการให้สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (EPF) สามารถถอนเงินออมจากบัญชี ๑ ของ EPF ได้ (แกนนำพรรคร่วม รบ. รูป ๔)
 
     ประเด็นสำคัญในการอภิปรายของ รมว. คลัง นาย Zafrul คือ การขยายผู้มีคุณสมบัติที่จะถอนเงินออมจากบัญชี ๑ ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (EPF) ขณะเดียวกันก็ให้ความเชื่อมั่นในความร่วมมือระหว่าง รบ. กับสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง และ รบ.เองยังต้องการความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินด้วย (รมว.คลังชี้แจง งปม. รูป ๕)
 
     รมว. คลังยังได้ประกาศเพิ่มการจัดสรร งปม. แก่รัฐซาบาห์ เพื่อใช้ต่อสู้กับการระบาดโควิด และเพิ่มเบี้ยเลี้ยงและเงินช่วยเหลือให้กับบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิแนวหน้า (frontliners) เยาวชนและผู้เกษียณอายุ
 
     วันที่ ๒๖ พ.ย. หลังจาก รมว.คลัง ได้เสร็จสิ้นการชี้แจง งปม. อย่างยืดเยื้อ ปธ.สภา Azhar Azizan จึงได้ให้มีการลงคะแนนเสียง แบบ voice vote (แทนที่จะเป็นแบบ bloc vote ที่มีการนับคะแนนเสียง สส. แต่ละคน) โดยให้ผู้ที่คัดค้านลุกขึ้นยืน เพื่อนับคะแนน ซึ่งต้องมีเสียงคัดค้านอย่างน้อย ๑๕ คน แต่ผลมีเพียง ๑๓ คน (มี ตุน มหาเธร์ ปธ. พรรค Pejuang รวมลูกพรรค นาย Khalid Abdul พรรค Amanah เป็นต้น) เนื่องจากเสียงคัดค้านมีจำนวนไม่เพียงพอ ปธ. สภาจึงได้ประกาศว่า ร่าง งปม. ได้ผ่านการพิจารณาของสภา
 
     การอนุมัติ งปม. แม้ยังเป็นเพียงระดับนโยบาย (policy level) ก็ตาม แต่จะทำให้ รบ. สามารถให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสการจ้างงาน (ไฮไลท์ของ งปม. ๒๐๒๑ รูป ๖)
 
     ด้าน รศ. ดร. Anuar Bali Mohd, Universiti Putra Malaysia (UPM) กล่าวว่า รบ. สามารถช่วยเหลือ SMEs ให้มีลมหายใจและดำเนินกิจการต่อไปได้ เพราะการดำเนินธุรกิจของ SMEs จะทำให้มีการจ้างงานถึง ๖๖% นอกจากนี้ งปม. ๒๐๒๑ จะสามารถสร้างโอกาสในการทำงานได้มากขึ้น ผ่านโครงการประกันการจ้างงาน (JanaKerja) ด้วยงบ ๓.๗ พันล้านริงกิต ในการจ้างงานใหม่ ๕ แสนตำแหน่งด้วย
 
     ขณะที่ Assoc. Prof. Dr. Ahmed Razman นักเศรษฐศาสตร์อีกราย กล่าวยินดีที่ รมว. คลังได้ประกาศให้มีการขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายต่างๆ มากขึ้น และอนุญาตให้สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (EPF) ๘ ล้านคนสามารถถอนเงินออมได้ ๑ หมื่นริงกิตจากบัญชี ๑ ในคราวเดียว จากเดิมถอนได้ ๕๐๐ ริงกิต/ครั้ง ไม่เกิน ๖ พันริงกิต ในช่วงเวลา ๑๒ เดือน
ด้วยตระหนักถึงสถานการณ์คับขัน พร้อมเห็นถึงความจำเป็นและความเร่งด่วนเกี่ยวกับการสู้ภัยโควิดครั้งนี้ ทั้ง สส. พรรค รบ. และฝ่ายค้าน ต่างก็ได้ลงมติให้ผ่าน งปม. ๒๐๒๑ แบบ “ไม่ระทึก” ด้วยประการฉะนี้แล

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ