เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563

เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563

วันที่นำเข้าข้อมูล 30 พ.ย. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 360 view
     เช้านี้ มีผู้ลงทะเบียนกลับไทยวันที่ ๓๐ พ.ย. ๖๓ จำนวน ๘ คน
 
     การแพร่ระบาดโควิดใน มซ. วันที่ ๒๙ พ.ย. มีสถิติต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ๑,๓๐๙ คน อยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ๔๙๓ คน รัฐซาบาห์ ๒๙๐ คน รัฐสลังงอร์ ๒๓๘ คน รัฐเปรัค ๗๗ คน รัฐเคดาห์ ๕๒ คน เกาะปีนัง ๔๖ คน รัฐยะโฮร์ ๓๗ คน เกาะลาบวน ๓๕ คน รัฐเนกริเซมบิลัน ๓๒ คน รัฐกลันตัน ๖ คน รัฐปาหัง ๑ คน รัฐตรังกานู ๑ คน รัฐมะละกา ๑ คน และมีผู้ติดเชื้อสะสม ๖๔,๔๘๕ คน ผู้เสียชีวิตสะสม ๓๕๗ คน (เพิ่มขึ้น ๓ คน) (สถิติข้อมูลการระบาดโควิด รูป ๑)
 
     เรื่องเล่าด่านรันตู วันนี้ขอเสนอเรื่อง “ชาติอาเซียนตบเท้าซื้อวัคซีนโควิด” ตามรายงานข่าวของ นสพ. สยามรัฐออนไลน์ ฉบับวันที่ ๒๙ พ.ย.๖๓ ว่า สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเรื่อง รบ.ปท. ต่างๆ ในอาเซียน ต่างบรรลุข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนโควิด-๑๙
นรม. มซ. เปิดเผยว่า รบ.มซ. ได้ทำข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ จากไฟเซอร์ บ.ยาและเวชภัณฑ์สัญชาติสหรัฐฯ ๑๒.๘ ล้านโดส ซึ่ง บ. ไฟเซอร์จะส่งมอบวัคซีน ๑ ล้านโดสแรกภายในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ก่อนทยอยนำส่งวัคซีนจำนวนที่เหลือตามมาในแต่ละไตรมาสของปี ๒๐๒๑ จนครบจำนวนที่สั่งซื้อไว้ (นรม.มซ. แถลงการซื้อวัคซีนโควิดจากไฟเซอร์ รูป ๒-๔)
 
     โดยทางการ มซ. จะฉีดวัคซีนนี้ให้แก่ประชาชน ๖.๔ ล้านคน (คิดเป็น ๒๐% ของจำนวนประชากรทั้งหมด) ควบคู่ไปกับวัคซีนที่ได้รับจากโครงการ Covax ของ WHO ให้แก่ประชากรอีก ๑๐% ส่วนกลุ่มประชากรที่จะได้รับการฉีดวัคซีนในลำดับต้นๆ ทางการ มซ. เปิดเผยว่า ได้แก่ ประชากรกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ทำงานอยู่แถวหน้าในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด เช่น แพทย์ พยาบาล นอกจากนี้ ยังมีผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อ อาทิ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
 
     เมื่อวันที่ ๒๘ พ.ย. นรม. มซ. ได้เปิดเผยว่า สธ. มซ. จะเริ่มการทดลองทางคลินิกเฟสที่ ๓ โดยใช้วัคซีนต้านโควิด-๑๙ ที่พัฒนาโดยสถาบันชีวและวิทยาศาสตร์การแพทย์จีน (Institute of Medical Biology Chinese Academy of Medical Sciences : IMBAMS) ฉีดให้กับผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกทั้งหมด ๓,๐๐๐ คนในเดือน ธ.ค. นี้ ทั้งนี้เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าว อันเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่าง รบ.มซ. – จีน ที่ทำข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-๑๙ ไว้เมื่อเดือนพ.ย. โดย มซ. จะได้สิทธิ์เข้าถึงวัคซีนนี้ในลำดับต้นๆ ขณะที่ทั้ง ๒ ปท. จะร่วมแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญต่างๆ เกี่ยวกับวัคซีนนี้ตลอดโครงการด้วย
 
     สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า อัตราการติดเชื้อโควิด-๑๙ ใน มซ. รายวันสูงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นนี้ ทำให้ความสามารถในการจัดการกับการระบาดของ มซ. หล่นลงมาอยู่ที่อันดับ ๒๙ ในการสำรวจของบลูมเบิร์ก ซึ่งแย่กว่าอันดับที่ ๑๙ ของ อซ. ที่เป็นพื้นที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
 
     ด้าน ปธน. Joko Widodo อซ. ได้ลงนามในข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนโควิดจากบ. ยาและเวชภัณฑ์ จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ ซิโนแวคไบโอเทค (Sinovac Biotech) ของจีน แอสตราเซเนกาของอังกฤษ เป็นต้น โดยมีรายงานว่า เฉพาะวัคซีนของแอสตราเซเนกานี้จะจัดส่งให้ถึง ๑๐๐ ล้านโดสภายในปีหน้า ซึ่งจะทำให้การเข้าถึงวัคซีนของ อซ. อยู่ในอันดับที่ ๒ รองจากจีน และในระดับเดียวกับ ญป. และ อินเดีย ตามรายงานของบลูมเบิร์ก (ปธน. Joko Widodo อซ. รูป ๕)
 
     เมื่อวันที่ ๒๗ พ.ย. นรม. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาการจัดซื้อวัคซีนระหว่างสถาบันวัคซีนแห่งชาติ สธ. กับ บ. AstraZeneca โดยเป็นการจองล่วงหน้า ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล (พิธีลงนามสัญญาซื้อวัคซีนโควิด รูป ๖)
นรม. กล่าวย้ำว่า รบ. ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ และสนับสนุน สธ. และทุกภาคส่วนในการจัดหาวัคซีนโควิด-๑๙ ซึ่งถือว่าโครงการใกล้จะบรรลุเป้าหมาย ทั้งนี้คาดว่าไทยจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ใช้ภายในปี ๖๔ เมื่อได้รับวัคซีนมาแล้ว ยังต้องเตรียมความพร้อมทั้งการบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง การแจกจ่ายให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงวัคซีนที่เป็นสินค้าสาธารณะ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ ขณะเดียวกัน รบ. ยังจัดเตรียมกองทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยพัฒนาให้ไทยสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ได้เอง โดย นรม. ย้ำความมุ่งมั่นของ รบ. เน้นการดูแลสุขภาพคนไทยควบคู่ไปกับการสร้างรายได้ให้แก่ ปท. เพื่อฟื้นฟู ศก. ด้วย
 
     อนึ่ง นาย Pascal Soriot ปธ. กรรมการ บ. AstraZeneca ได้ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ โดยยินดีกับ รบ.ไทยที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จนเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ ยังชื่นชมความมุ่งมั่นของ รบ. ไทยและหน่วยงาน สธ. ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ซึ่งจะทำให้ไทยมีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงวัคซีนโควิด-๑๙ อย่างแพร่หลายในระดับภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย
 
     นี่เป็นพัฒนาการจัดหาวัคซีนโควิดของชาติต่างๆ ในอาเซียน ที่ตระหนักถึงภัยคุกคามต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนอาเซียนเป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นวาระเร่งด่วนที่จะต้องร่วมมือกันสู้ภัยโควิดของอาเซียน ตามมติการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ เมื่อ ๑๒ พ.ย. ที่ผ่านมานี้เอง (37th ASEAN Summit รูป ๗)

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ

ข่าวใกล้เคียง

ข่าวใกล้เคียง