เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2563

เรื่องเล่าด่านรันตู ประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2563

วันที่นำเข้าข้อมูล 2 ธ.ค. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 23 พ.ย. 2565

| 360 view
     เช้านี้ มีผู้ลงทะเบียนกลับไทยวันที่ ๒ ธ.ค. ๖๓ จำนวน ๑๓ คน
     การแพร่ระบาดโควิดใน มซ. วันที่ ๑ ธ.ค. มีสถิติสูงกว่าเมื่อวาน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ๑,๔๗๒ คน อยู่ในรัฐสลังงอร์ ๘๙๑ คน รัฐซาบาห์ ๒๖๗ คน รัฐเนกริเซมบิลัน ๑๔๖ คน รัฐยะโฮร์ ๖๘ คน เกาะปีนัง ๒๙ คน กรุงกัวลาลัมเปอร์ ๒๖ คน รัฐเคดาห์ ๒๑ คน รัฐเปรัค ๑๓ คน รัฐกลันตัน ๑๐ คน รัฐซาราวัค ๑ คน และมีผู้ติดเชื้อสะสม ๖๗,๑๖๙ คน ผู้เสียชีวิตสะสม ๓๖๓ คน (เพิ่มขึ้น ๓ คน) (สถิติข้อมูลการระบาดโควิด รูป ๑)
 
     ย่างเข้าช่วงส่งท้ายปีชวด ปี “หนูไฟ” ที่ทั่วโลกต่างสะบักสะบอมด้วยพิษโควิด ทำเอา ศก. ไทยดิ่งลึกซึมยาว จนหลายคนสงสัยว่า เมื่อไหร่จะพ้นจุดต่ำสุด ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงปีฉลูที่กำลังย่างกรายเข้ามา ยิ่งประหวั่นพรั่นพรึงว่า ศก.ไทยจะเป็นอย่างไรหนอ
เรื่องเล่าด่านรันตู วันนี้ขอเสนอเรื่อง “หนทางแก้ปัญหา ศก. ไทยท่ามกลางวิกฤตโควิด” ตามที่ นสพ. กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ ๒๗ พ.ย. ๖๓ พาดหัวข้อข่าวเรื่อง ‘ศุภชัย’ เตือนอย่าเร่งเปิด ปท. แนะ รบ. ลงทุน พยุงการจ้างงาน โดย “ศุภชัย” ชี้ หลังโควิด ศก. ไทยจะฟื้นตัวเร็ว GDP โตตามจีน แนะกู้เงินฟื้นฟู ศก. มองบาทอ่อนไม่กระทบส่งออก เตือน รบ. อย่าเร่งเปิดประเทศ ห่วงหนี้ครัวเรือน (“ศุภชัย” เตือนอย่าเร่งเปิด ปท. รูป ๒)
 
     ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีต ผอ. ใหญ่ องค์การการค้าโลก (WTO) ให้ความเห็นภายในงานสัมมนาประจำปี สศอ. (OIE Forum) ๒๕๖๓ ว่า วิกฤติโควิดส่งผลรุนแรงต่อ ศก. ทั่วโลก การที่จีนฟื้นตัวได้เร็วจะส่งผลดีกับไทยและอาเซียน เพราะ ศก. ไทยผูกติดกับห่วงโซ่การผลิตของจีนสูงมาก โดยหากจีนฟื้นตัวเร็วจะทำให้ ศก. ไทยฟื้นตัวได้เร็ว ประกอบกับไทยรับมือโควิดได้ดี รวมทั้งอาเซียนโดยเฉพาะ ปท. CLMV ได้รับผลกระทบจากโควิดไม่รุนแรง ทำให้การส่งออกไทยจะทยอยฟื้นตัว เห็นได้จาก ศก. ไทยดีขึ้นทุกไตรมาส ซึ่งอาจทำให้ GDP ๖๓ ไม่แย่อย่างที่คาดไว้ที่จะติดลบไม่ถึง ๗-๘% ส่วนการส่งออกในปีหน้าก็จะดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอน (ดร. ศุภชัยในงานสัมมนา “Rebuild, Reboot, Rebound ศก.ไทย” รูป ๓)
 
     “ศก. ไทยในปีนี้ อาจติดลบ ๕-๖% แต่ปีหน้าทั้ง ศก. และการส่งออกต้องเป็นบวกอยู่แล้ว เพราะไทยฟื้นตัวได้เร็ว ตลาดหลักของไทยอย่างจีนและอาเซียนก็ฟื้นได้ดี เห็นได้จากการส่งออกที่ดีขึ้นทุกไตรมาส ในตลาดสหรัฐและเอเชีย รวมทั้งดัชนีชี้วัดต่างๆ ดีขึ้น” (ศก. ไทยหลัง “โควิด” รูป ๔)
 
     สำหรับข้อเสนอให้ ธปท. ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าจนกระทบการส่งออก มองว่าค่าเงินบาทเป็นปัจจัยหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เห็นได้จากบางปีเงินบาทอ่อนค่า แต่การส่งออกไม่ได้ขยายตัวนัก และบางปีเงินบาทแข็งค่า กลับส่งออกได้ดี ซึ่งการส่งออกขึ้นกับ ศก. โลกเป็นหลัก หาก ศก.โลกดีการส่งออกจะดีด้วย แต่ภาค อก. ไทยควรเร่งปรับตัว ขยายตลาดใหม่ สร้างนวัตกรรม พัฒนาสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาด จะทำให้แข่งขันได้โดยไม่ต้องพึ่งค่าเงิน (คาดการณ์ ศก. ไทย ปี ๒๕๖๓ รูป ๕)
“ในอดีตค่าเงินบาทอ่อน เพราะผูกติดกับเงินดอลลาร์ แต่ในขณะนี้เป็นแบบลอยตัวตามกระแสเงินที่เข้าออก ปท. ซึ่งช่วงเริ่มต้นของ อก. ไทย ค่าเงินบาทอ่อนจะช่วยภาค อก. ที่เพิ่มเริ่มก่อตัว ให้เติบโตได้แข็งแรง แต่ขณะนี้ภาค อก. แข็งแรงแล้ว จะต้องพัฒนาตัวเองให้ต่อสู้ในตลาดโลกได้”
 
     นอกจากนี้ ยังได้เตือน รบ. อย่าเพิ่งเร่งเปิด ปท. ควรจะเปิดแบบค่อยเป็นค่อยไป แล้วตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยชาวต่างชาติที่ควรเปิดให้เข้า ปท. คือ กลุ่มนักลงทุน ที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย เพราะจะทำให้เกิดการลงทุน และการจ้างงาน แก้ปัญหาการว่างงานได้ตรงจุด โดยควรจะแก้ไขกฎระเบียบเข้า ปท.ให้ง่ายขึ้น แต่จะต้องผ่านกระบวนการตรวจโควิดที่เข้มงวด (แนวโน้ม ศก. ไทยปี ๖๓ รูป ๖)
 
     ทั้งนี้ ไม่อยากให้ รบ. มุ่งความสำคัญกับตัวเลขการเติบโตของ GDP มากไป ควรเน้นคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของคนไทย เพราะหากปล่อยให้เหมือนสหรัฐหรือยุโรปที่ปิดๆ เปิดๆ ปท. ไม่มีมาตรการที่รัดกุม ทำให้มีคนเจ็บป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จะกระทบต่อ ศก. ที่รุนแรงกว่า แต่หากไทยทยอยเปิดอย่างสมดุล จะทำให้ฟื้นตัวได้เร็วในระยะยาว (สศช. ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี ๖๓ รูป ๗)
 
     “หากไทยรักษาคนไว้ไม่ให้เกิดการสูญเสีย กิจกรรมทาง ศก. ที่หยุดไปในปีนี้จะกลับมาโตใหม่ได้เอง กำลังการผลิตจะกลับมาใช้ได้เต็มที่ เพราะจะมีกำลังคนเข้ามาขับเคลื่อน ศก. ต่างจากยุโรปและสหรัฐฯ จะกลับมาช้า เพราะคนหายไปเยอะ”
นอกจากนี้ ได้แนะให้ รบ. กู้เงินเพื่อฟื้น ศก. โดยการประคอง ศก. ช่วงนี้ รบ. ต้องช่วยกลุ่มมีรายได้ต่ำก่อนเพราะอ่อนแอที่สุด แต่การให้เงินเข้าไปช่วย ควรให้เกิดประโยชน์ระยะยาว เช่น การฝึกอาชีพ การเพิ่มทักษะการทำงาน ที่จะได้รับการช่วยเหลือจาก รบ. ส่วนการแจกเงินแบบให้เปล่าทำได้ แต่ไม่ควรใช้เงินในส่วนนี้มากเกินไป เพราะไม่เกิดประโยชน์ระยะยาว
ขณะที่การกู้เงินเข้ามาเพื่อพยุง ศก. ประเทศในช่วงวิกฤติโควิดนี้ รบ. สามารถทำได้ เพื่อให้ ศก. มีความมั่นคง ให้รอดพ้นจากช่วงการระบาดของโควิด เพราะหลังจากโควิดคลี่คลาย ศก. ก็จะกลับมาฟื้นตัวได้เองตามธรรมชาติ โดยมองว่าการกู้เงินในขณะนี้จะไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะมากนัก เพราะ ปท. ใหญ่ๆ มีหนี้สาธารณะสูง เช่น ญี่ปุ่นสูง ๒๐๐% ของ GDP สหรัฐสูงกว่า๑๓๐% ในขณะที่ไทยอยู่ใกล้ ๕๐% ถือเป็นตัวเลขที่ยอมรับได้
 
     สำหรับการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจค เห็นว่า รบ. ควรเดินหน้าโครงการต่อไป ทั้งในเรื่องการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ขยายท่าเรือน้ำลึก ก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา เพราะโครงการเหล่านี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมาก เป็นแรงดึงดูดการลงทุนที่สำคัญ และยังส่งผลดีต่ออนาคตของ ศก. ไทย ส่วนบางโครงการอาจจะต้องชะลอตัวบ้างตามสถานการณ์ เช่น โครงการศูนย์ซ่อมสร้างอากาศยานอู่ตะเภา ที่ต้องชะลอตัวตามธุรกิจการบินที่ชะลอตัวลงอยู่แล้ว
นี่คือ หนทางแก้ปัญหา ศก. ไทยให้พ้นวิกฤตโควิดของ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีต ผอ. ใหญ่ WTO ซึ่งมองสถานการณ์ ศก. ไทยในเชิงบวกอย่างน่าสนใจ ทำให้หลายคนเริ่มมองเห็นทางออก เสมือน “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” และมีความมั่นใจกับ ศก. ไทยในอนาคตมากขึ้น

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ

ข่าวใกล้เคียง

ข่าวใกล้เคียง