วันที่นำเข้าข้อมูล 4 มี.ค. 2564
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 พ.ย. 2565
เช้านี้ มีผู้ลงทะเบียนกลับไทยวันที่ ๓ มี.ค. ๖๔ จำนวน ๑๐ คน
วันที่ ๒ มี.ค. มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ๑,๕๕๕ คน โดยอยู่ในรัฐกลันตัน ๔๖ คน รัฐตรังกานู ๗ คน มีผู้ติดเชื้อสะสม ๓๐๔,๑๓๕ คน และผู้เสียชีวิตสะสม ๑,๑๔๑ คน (เพิ่มขึ้น ๖ คน) (สถิติข้อมูลการระบาดโควิด รูป ๑)
รบ. มซ. ประกาศให้กรุงกัวลาลัมเปอร์ รัฐสลังงอร์ รัฐยะโฮร์ รัฐปีนัง อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการสัญจรแบบมีเงื่อนไข (Conditional Movement Control Order - CMCO) แทนมาตรการควบคุมการสัญจร (MCO) ตั้งแต่วันที่ ๕ – ๑๘ มี.ค. ๖๔
ส่วนรัฐเกดาห์ รัฐกลันตัน รัฐเนกรีเซมบิลัน รัฐซาราวักและรัฐเปรัก ให้ขยายมาตรการ CMCO (ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ ๔ มี.ค.) ตั้งแต่วันที่ ๕ – ๑๘ มี.ค. ๖๔ (ยกเว้นรัฐซาราวัค ขยายออกไประหว่างวันที่ ๒ – ๑๕ มี.ค. ๖๔)
ส่วนรัฐมะละกา รัฐปาหัง รัฐตรังกานู ปุตราจายาและ Labuan ได้ปรับจากการบังคับใช้มาตรการ CMCO เป็นมาตรการควบคุมการสัญจรแบบฟื้นฟู (Recovery Movement Control Order (RMCO) ตั้งแต่วันที่ ๕–๑๘ มี.ค. ๖๔ โดย รบ. มซ. อนุญาตให้ ปชช. สามารถเดินทางข้ามเขต (inter-district) ได้ในทุกรัฐ (ยกเว้นรัฐซาบาห์) อย่างไรก็ดี ยังไม่อนุญาตให้เดินทางข้ามรัฐ (inter-state)
สำหรับร้านอาหารและร้านขายของในรัฐภายใต้ CMCO สามารถเปิดทำการได้ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ – ๐๐.๐๐ น. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๕ มี.ค. ๖๔ เป็นต้นไป
เรื่องเล่าด่านรันตูวันนี้ ขอเสนอเรื่อง “เผยไอเดีย 'วัคซีนพาสปอร์ต' ใครฉีด 'วัคซีนโควิด' จะได้ใบรับรอง ตาม รายงานข่าวของ นสพ. กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ ๒ มี.ค. ๖๔ (เจาะไอเดีย 'วัคซีนพาสปอร์ต' รูป ๒)
ที่ประชุม ครม. เผยไอเดีย "วัคซีนพาสปอร์ต" เพื่อเตรียมรับการเปิดประเทศ หากประชาชนคนไหนได้รับการฉีด "วัคซีนโควิด" แล้ว ก็จะได้ใบรับรองจากกรมควบคุมโรค หรือได้รับวัคซีนพาสปอร์ตสำหรับใช้เดินทางไปต่างประ เทศ (การคัดกรองที่ท่าอากาศยาน รูป ๓)
เมื่อวันที่ ๒ มี.ค.๖๔ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุม ครม. ในวันอังคารที่ ๒ มี.ค. ๖๔ ณ ตึกนารีสโมสร ว่า นรม. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวถึงประเด็น "วัคซีนโควิด" เข็มแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ ก.พ. ที่ผ่านมา รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับ "วัคซีนพาสปอร์ต" โดยระบุว่า (วัคซีนโควิด-๑๙ ถึงไทย หนุนท่องเที่ยว รูป ๔)
ประเทศไทยได้เริ่มฉีด "วัคซีนโควิด" เข็มแรกให้กับประชาชนคนไทยแล้ว และได้มีการกระจายวัคซีนไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมาย ระยะที่ ๑ ซึ่งทาง ศบค. ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า กลุ่มที่จะได้รับการฉีดวัคซีนในเบื้องต้นนั้น มีกลุ่มไหน อย่างไรบ้าง จากนี้ จนท. สธ. ก็จะดำเนินการตามแผนที่ได้วางไว้ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค (ผู้โดยสารขาเข้า รูป ๕)
นอกจากนี้ ได้มีการพูดถึงว่า ในอนาคตอาจจะให้กระทรวงการต่างประเทศเข้ามาศึกษาและดูแลเกี่ยวกับเรื่อง "วัคซีนพาสปอร์ต" เพื่อเตรียมการและอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประเทศ โดยมีราย ละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
๑. "วัคซีนพาสปอร์ต" ใบเบิกทางเพื่อการเดินทางต่างประเทศ
สำหรับไอเดียการทำ "วัคซีนพาสปอร์ต" ก็เพื่อสอดรับและเตรียมพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการ
เดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประเทศ หลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-๑๙ เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ เรียกว่าเป็นเหมือน "ใบเบิกทาง" เพื่อใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาคมโลก และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยด้วย (แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ รูป ๖)
๒. กรมควบคุมโรคเสนอใบรับรอง (Certificate) ให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รอง นรม./รมต.สธ. ได้พูดถึงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ณ ปัจจุบัน มีไอเดียนำเสนอเรื่องการที่จะจัดทำใบ Certificate ให้แก่ผู้ที่ได้รับการฉีด "วัคซีนโควิด" ครบทุกเข็มแล้ว ซึ่งจะดำเนินการโดยกรมควบคุมโรค การมีใบรับรองนี้ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจในการเดินทาง และนำไปใช้ยืนยันเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศได้ ต่อจากนี้ก็จะดำเนินการด้านรายละเอียดต่างๆ ต่อไป หากมีความคืบหน้าใดๆ ก็จะนำมาเสนอต่อที่ประชุม ครม. อีกครั้ง
๓. นรม. เสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "วัคซีนพาสปอร์ต"
เนื่องจากตอนนี้มีหลาย ปท. เริ่มเปิด ปท. กันแล้ว และในแต่ละ ปท. ก็มีการทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนของตนแล้วเช่นกัน ดังนั้นการทำใบรับรองหรือการทำวัคซีนพาสปอร์ตจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยในที่ประชุม ครม. นายกฯ ก็ได้ให้ความเห็นว่า การจัดทำวัคซีนพาสปอร์ตนั้น อาจจะไม่ต้องออกเป็นเล่มพาสปอร์ตโดยตรง
แต่อาจจะทำเป็นเหมือนสติ๊กเกอร์ติดเข้าไปในเล่มพาสปอร์ตปกติที่ประชาชนมีอยู่แล้ว เพื่อที่จะได้ลดขั้นตอน และไม่ต้องไปทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ให้ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งก็มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศไปศึกษาในเรื่องนี้
วันนี้เป็นเรื่อง “วัคซีนพาสปอร์ต” ที่ รบ. ไทยกำลังพิจารณาให้ใช้เหมือน "ใบเบิกทาง" ในการเดินทางต่างประ เทศ ที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาคมโลกและไทยที่จะเปิด ปท. ต้อนรับรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในอนาคต
รูปภาพประกอบ